googleca9db13d132b9d4f.html 0864407089

EP 30 : ขับรถหน้าหนาว ให้ปลอดภัย มาดูกัน

ขับรถหน้าหนาวอย่างไร ให้ปลอดภัย

เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว แถมยังเป็นช่วงเปิดประเทศกันอีกด้วย  เราเชื่อว่าผู้คนส่วนใหญ่กำลังเตรียมขับรถเพื่อไปสัมผัสลมหนาวในจังหวัดต่างๆ ในช่วงวันหยุดยาวกันแน่นอน และการขับรถในช่วงที่อากาศหนาวเย็น ผู้ใช้รถมักประสบปัญหาพื้นถนนลื่นกว่าปกติ มีหมอกปกคลุมเส้นทาง ทัศนวิสัยไม่ชัดเจน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ จึงขอแนะนำ


“ วิธีขับรถหน้าหนาวให้ปลอดภัย ” ที่จะช่วยให้การเดินทางท่องเที่ยวของคุณเป็นไปด้วยความราบรื่น

1. ขับรถด้วยความเร็วพอเหมาะ - การเดินทางช่วงหน้าหนาว มักจะมีหมอกปกคลุมมากกว่าปกติ และพื้นถนนอาจลื่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนภูเขาสูง การขับด้วยความเร็วเกินไปจึงอาจทำให้ไม่ทันมองเห็นสิ่งกีดขวางข้างหน้า หรือรถที่กำลังขับสวนทางมา ซึ่งอาจเกิดการขับรถไปพุ่งชนหรือเบรคกะทันหันจนทำให้รถเสียหลักได้ ดังนั้นจึงควรขับรถด้วยความเร็วที่พอเหมาะเสมอ คือไม่เกิน 80 กม./ชม. หรือในกรณีที่หมอกลงจัดมาก ควรขับขี่ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. จะดีที่สุด เพราะหากเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินขึ้น ก็ยังสามารถรับมือได้ทัน โดยไม่เกิดความเสียหายมากนั่นเอง


2. ใช้เกียร์ตามความเหมาะสม - ในแต่ละพื้นที่ จะมีความเหมาะสมกับการใช้เกียร์ที่แตกต่างกัน โดยพื้นที่ที่เป็นที่ราบตามปกติ ก็อาจจะขับเคลื่อนด้วยเกียร์ 3 เกียร์ 4  หากเป็นพื้นที่ลาดชันหรือเป็นโค้งของเขา ก็ควรเลือกใช้เกียร์ 1 หรือ 2 จะเหมาะที่สุด จริงอยู่ที่สามารถขับขี่รถด้วยเกียร์ไหนก็ได้ แต่จะดีกว่าไหม หากเราเลือกใช้เกียร์ตามความถูกต้อง เพราะสามารถเซฟความปลอดภัยได้ดีกว่านั่นเอง


3. ชะลอความเร็วก่อนเข้าโค้ง พร้อมให้สัญญาณไฟ - โค้งเป็นจุดที่มักจะเกิดอุบัติเหตุจากการที่รถสวนมาชนกัน และการแหกโค้งมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว ที่หมอกลงจัดจนแทบจะมองไม่เห็นทางอยู่แล้ว  ขอแนะนำให้คุณชะลอความเร็วลงก่อนจะถึงโค้ง และเปิดไฟให้สัญญาณ เพื่อให้รถที่สวนมาข้างหน้ารู้ว่ามีรถกำลังเข้าโค้งมาเหมือนกัน จะได้ระมัดระวังในการขับขี่มากขึ้นนั่นเอง ที่สำคัญห้ามปลดเกียร์ว่างและเบรครถกะทันหันเป็นอันขาด เพราะทำให้รถเสียหลักแหกโค้งได้


4. จอดรถรอให้หมอกจางก่อน - หากหมอกลงจัดมากจนมองไม่เห็นเส้นทาง ทั้งบริเวณ กระจกรถ และละอองฝ้าเกาะจนเป็นอุปสรรคต่อการขับขี่ คุณควรจอดรถรอให้หมอกจางลงก่อน โดยจอดให้ชิดริมทางเข้าไว้ พร้อมกับเปิดไฟหน้ารถ วิธีนี้จะช่วยป้องกันอันตรายได้ดีทีเดียว

 

           หลังจากเตรียมความพร้อมให้กับคนขับเรียบร้อยแล้ว ก็อย่าลืมเตรียมความพร้อมให้กับรถยนต์ของคุณซึ่งถือเป็นตัวขับเคลื่อนคุณไปสู่จุดหมายปลายทางด้วย เพราะ หากคนพร้อม และรถไม่พร้อม อุบัติเหตุก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาเช่นกัน ขอแนะนำวิธี “วิธีเช็ครถก่อนเดินทาง” ที่จะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจก่อนออกเดินทาง

1. เช็คอุปกรณ์ให้พร้อม การออกเดินทางทุกครั้งจำเป็นที่จะต้องเช็คความพร้อม โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงหน้าหนาวนั้น จำเป็นต้องเช็คอุปกรณ์ต่างๆ ให้ดี ที่สำคัญที่สุดคือ “ยางรถยนต์” หากคุณต้องเดินทางขึ้นเขาหรือขับรถไกลๆ ควรเช็คสภาพยางไปจนถึงการเช็คลมยางทุกครั้ง นอกจากนี้ยังต้องเช็คเครื่องยนต์ต่างๆ ซึ่งถ้ารถของคุณเป็นรถใหม่ การเช็ครถตามระยะที่ศูนย์กำหนดก็สามารถช่วยได้ แต่ถ้ารถคุณใช้งานมานานแล้ว จำเป็นต้องเช็คให้ดีก่อนเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง หม้อน้ำ หรือน้ำยาแอร์ รวมถึงอุปกรณ์ไฟในรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า ไฟเบรก ไฟเลี้ยว ทุกชิ้นต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานที่สมบูรณ์ เพราะทัศนวิสัยของรถที่ดีย่อมช่วยลดอุบัติเหตุ

.
2. ช็คความพร้อมของอุปกรณ์ช่วยเหลือยามฉุกเฉิน - ภายในรถยนต์นั้นนอกจากอุปกรณ์สัมภาระต่างๆ แล้วยังมีสิ่งที่นักเดินทางทุกคนจำเป็นต้องมีนั่นก็คือ อุปกรณ์สำรองฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเช็คยางสำรอง อุปกรณ์ช่างสำหรับกรณีฉุกเฉิน และไฟฉาย เพราะเราไม่อาจรู้เลยว่าในระหว่างการเดินทาง จะเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินอะไรขึ้นมาบ้าง ดังนั้นการเตรียมพร้อมไว้ก่อน จึงเป็นสร้างความอุ่นใจในระดับหนึ่งให้กับตัวเอง และยังทำให้คุณท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจหายห่วง

.
3. เตรียมความพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ - สิ่งหนึ่งที่ผู้ขับขี่รถต้องระวังคือ เหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะการเดินทางในฤดูหนาว หากมีหมอกหนาจัด จำเป็นต้องลดความเร็ว เปิดไฟ หรือไฟตัดหมอก หรือหากเกิดฝ้าไอน้ำในรถ ควรเปิดแอร์เพื่อไล่ฝ้า หรือเปิดกระจกไล่ฝ้าก่อน และปรับแอร์ไม่ให้โดนกระจก เพื่อช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้กับการขับขี่ นอกจากนี้ระหว่างทาง หากคุณเจอสภาพอากาศที่แย่ ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ชัดเจน การเปิดไฟเพื่อให้สัญญาณไฟจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก

       เมื่อเตรียมตัวและเตรียมรถให้พร้อมกันแล้ว อย่าลืมเพิ่มความอุ่นใจ ด้วย ประกันภัยรถยนต์ เพิ่มเติมด้วยนะคะเพราะเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น ประกันสามารถช่วยดูแลคุณในทุกๆการเดินทางค่ะ " มีประกันติดรถไว้เหมือนมีเกราะคุ้มภัยทั้งตัวคุณและตัวรถ "  นะคะ
.
ขอบคุณสาระดีๆจาก ศูนย์อุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลกรุงเทพ

Visitors: 111,605