googleca9db13d132b9d4f.html 0864407089

EP26: 10 เคล็ดลับ ขับรถกระบะบรรทุกอย่างไรให้ประหยัดน้ำมัน

10 เคล็ดลับ ขับรถกระบะอย่างไรให้ประหยัดน้ำมัน


1. บรรทุกของหนักแต่พอดี และเท่าที่จำเป็น
ผู้ประกอบการอาจคิดว่าในแต่ละเที่ยวที่บรรทุกสินค้าไปยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งคุ้มกำไรเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงยิ่งบรรทุกหนักมากเท่าไรเครื่องยนต์ก็ยิ่งซดน้ำมันมากขึ้นตามไปด้วย แถมยังทำให้เครื่องยนต์และกลไกอื่นๆ ของรถมีอายุการใช้งานที่สั้นลงอีกต่างหาก จึงขอแนะนำว่าควรบรรทุกแต่พอดีและเท่าที่จำเป็นจะดีกว่า
2. จัดวางสิ่งของลงกระบะให้สมดุล
ควรวางของให้อยู่กึ่งกลางรถ หรือให้น้ำหนักบรรทุกสมดุลกัน ไม่ควรวางให้น้ำหนักลงด้านใดด้านหนึ่งหรือที่ท้ายกระบะมากจนเกินไป เพราะนอกจากจะทำให้หน้าเชิดลำบากในการควบคุมแล้ว ยังทำให้การขับขี่ไม่ปลอดภัยอีกด้วย
3. อุ่นเครื่องยนต์ในตอนเช้าไม่เกิน 3 นาที
ก่อนออกรถในตอนเช้า ควรอุ่นเครื่องยนต์ก่อนประมาณ 2-3 นาที ก็เพียงพอ (นานกว่านั้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ) เพื่อให้ระบบหล่อลื่นทำงานดีขึ้น สมรรถนะพร้อมใช้งาน
4. อย่าออกตัวเร็วเกินไป
ไม่ควรออกออกรถเร็ว หรือรุนแรงแบบกระชาก เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ แถมยังทำให้ชิ้นส่วนในเครื่องยนต์สึกหรอเร็วอีกด้วย ควรออกรถอย่างราบเรียบ และเปลี่ยนเกียร์สูงเมื่อได้รอบ ไม่ควรลากเกียร์
5. ขับด้วยความเร็วคงที่
การขับรถระยะทางไกลให้วิ่งชิดเลนซ้าย ใช้ความเร็วสม่ำเสมอ ประมาณ 80 – 90 กม./ ชม. จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากถึง 15 – 20 % เพราะหากบรรทุกหนักแล้วยังขับเร็ว รถจะยิ่งกินน้ำมันมากขึ้นไปอีกทวีคูณเลยทีเดียว
6. ดับเครื่องยนต์เมื่อต้องจอดรถนานๆ
ควรดับเครื่องยนต์เมื่อต้องจอดนานๆ หรือประมาณ 3 – 4 นาทีขึ้นไป เพราะยิ่งเครื่องยนต์ทำงานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งใช้น้ำมันเปลืองมากขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ติดเครื่องไว้ทุกๆ 3 นาที จะใช้น้ำมันไป 100 ซีซี เท่ากับวิ่งไป 1 กม.
7. ตรวจวัดระดับลมยางอย่างสม่ำเสมอ
ควรเติมลมยางให้ได้ตามมาตรฐานกำหนดทั้งล้อหน้าและล้อหลัง เพราะยางที่มีลมอ่อนเกินไปจะทำให้หน้ายางมีความเสียดสีกับพื้นถนนมากก็จะทำให้กินน้ำมันมาก แต่หากลมยางมีความแข็งมากเกินไปรถก็จะเกาะถนนไม่ดีเพราะหน้ายางเกิดการเสียดสีกับพื้นถนนน้อยเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อการขับขี่
8. วางแผนก่อนออกเดินทาง
หากในหนึ่งวันจะต้องวิ่งรถไปหลายที่ ควรศึกษาเส้นทางให้ดีก่อนออกเดินทาง เช่น ทางเดียวกันไปด้วยกัน หลีกเลี่ยงเส้นทางรถติด กำหนดจุดหมายให้ชัดเจน ไม่ขับอ้อม ขับหลง ขับเลย หากปฏิบัติได้ดังนี้นอกจากจะทำให้ได้การขนส่งที่รวดเร็วแล้วยังประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย
9. ใช้เกียร์ให้เหมาะสมกับเส้นทางและการใช้งาน
การใช้เกียร์ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับการใช้งาน นอกจากช่วยในเรื่องความปลอดภัย รักษาเครื่องยนต์ ยังสามารถประหยัดน้ำมันได้เช่นกัน อาทิ
– รถที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ จะกินน้ำมันมากกว่าเกียร์ธรรมดา
– เปลี่ยนเกียร์สูงทันทีเมื่อเครื่องยนต์ทำงาน 2,500 รอบต่อนาที
– การขับรถขึ้นเขาหรือทางลาดชันควรใช้เกียร์ต่ำ เพราะถ้าใช้เกียร์สูงกำลังเครื่องจะตก ทำให้กินน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น
– การขับรถลงเนินหรือทางลาดชันควรใช้เกียร์ต่ำ และค่อยๆ ปล่อยรถให้ไหลลงตามรอบของเครื่องยนต์ พร้อมควบคุมความเร็วให้สัมพันธ์กับเกียร์
10. นำไปตรวจเช็คและตั้งเครื่องยนต์ ตามระยะเวลากำหนด
การเข้าศูนย์บริการ คือหนึ่งในมาตรการประหยัดน้ำมัน เพราะรถทุกคันเมื่อถึงกำหนดควรนำเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คความบกพร่องของเครื่องยนต์ ตลอดจนการเปลี่ยนอะไหล่ เพื่อให้รถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตามมาตรฐาน อาทิ ไส้กรองอากาศ น้ำมันหล่อลื่น ระบบระบายความร้อน เป็นต้น

      เมื่อดูแลรถแล้ว มาสร้างความอุ่นใจในการเดินทางจากอุบัติเหตุกันค่ะ  ประกันขนส่งสินค้า  ช่วยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายแทนคุณหากประสบอุบัติเหตุระหว่างการขนส่งตั้งแต่เริ่มขนของจนถึงของลงปลายทางค่ะ มีทั้งรายเดือนและรายปี หากสนใจ คลิกลิงค์ด้านล่างเพื่อสอบถามขอคำแนะนำหรือทำประกันได้เลย

Visitors: 113,928