googleca9db13d132b9d4f.html 0864407089

EP13: รถเหินน้ำ! ถนนเปียกขับเร็ว ภัยอันตรายที่มักมองข้าม

 

 

อาการรถเหินน้ำ เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วในขณะที่พื้นถนนเปียก เนื่องจากมีฝนตก เชื่อว่าหลายคนยังขับรถอย่างประมาทเมื่อฝนตก ผลก็คือการเกิดอุบัติเหตุรถตกข้างทาง รถข้ามเลน เพราะความไม่รู้

๐ ไฮโดรเพลน คือ อาการลอยเหินบนน้ำ จะเกิดเมื่อ มีน้ำขังบนถนนเนื่องจากฝนตกและการขับรถที่มีความเร็วเกิน 80 กม./ชม. น้ำจะแข็งเหมือนหินทำให้เกิดการ “เหินน้ำ” หรือ ไฮโดรเพลนนั่นเองมักจะเกิดเสมอเมื่อ

1.ล้อด้านเดียววิ่งใปบนแอ่งน้ำ (มีแอ่งน้ำอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง)

2.ดอกยางสึกมากเกินไปรีดน้ำไม่ทัน

3.แตะเบรคอย่างรุนแรง

4.หมุนพวงมาลัยอย่างแรง รถที่หนักมากกว่าจะเกิดง่ายกว่า ล้อที่มีหน้ายางเล็กกว่าจะเกิดง่ายกว่า

* ลักษณะของพื้นผิวถนนกับการเหินน้ำของรถ หากถนนเป็น พื้นคอนกรีต *โอกาสเกิดจะง่ายกว่าถนนที่ราดยางมะตอย เพราะมีร่องน้ำตามรูของพื้นผิวถนน นอกจากนี้เรื่องอื่นๆคือ ความชันและความเอียงของพื้นผิวถนนก็เป็นปัจจัยเล็กน้อยเพิ่มขึ้นอีกด้วย


หากเริ่มเกิดอาการสูญเสียการควบคุมจากอาการเหินน้ำแล้ว ควรปฎิบัติดังนี้

   หากรถยนต์อยู่ในทางตรงและมาด้วยความเร็วที่น้อย จะสูญเสียการควบคุมเพียงเล็กน้อย คนขับจะต้องพยายามค่อยๆควมคุมทั้งความเร็วและทิศทางให้เบาที่สุด
.
   อย่าได้พยายามควบคุมทุกอย่างอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะการเบรคหรือหักล้อรถยนต์เต็มที่ อาการจากการเหินน้ำ ที่เกิดจากการเร่งความเร็วอย่างฉับพลัน จะเกิดอาการ 3 อย่าง คือ

1. ต้นเหตุเกิดที่ล้อหน้า จะมีโอกาสที่รถยนต์จะตกข้างทาง พาดกับต้นไม้ หรือเสาไฟฟ้าได้มาก คำแนะนำสำหรับล้อหน้าคือ อย่าได้เร่งความเร็วฉับพลัน เพราะโอกาสเกิดรถหมุนนั้นจะมีมากต้องปล่อยเลยไป  
2. หากเหตุเกิดจากล้อหลัง การรักษาการควบคุมจะง่ายกว่า เพราะอาการจะเกิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
3. เกิดเหตุทั้ง 4 ล้อ  รถจะไม่เกิดอาการหมุนแต่จะมุ่งตรงไปด้านหน้า (แม้ว่าจะหักล้อหมุน รถก็ตรงไปด้านหน้าอยู่ดี) ดังนั้นยังมีโอกาสควบคุมเล็กน้อย พยายามลดความเร็ว โดยไม่เหยียบคันเร่งเพิ่ม รักษาทิศทางของรถยนต์ไว้ให้ดีๆ

ประเด็นสำคัญ !!! คือ อย่าเหยียบเบรค เพราะ การเหยียบเบรคแบบกระทันหันจะยิ่งทำให้เกิดอาการเหินน้ำมากขึ้น เพราะยางรถยนต์หยุดรีดน้ำทำให้โอกาสเกิดสูญเสียการควบคุมรถยนต์มากขึ้นไปอีก แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า  คือ พยายามหลีกเลี่ยงโอกาสเกิดอาการเหินน้ำให้มากที่สุด โดยเฉพาะการขับรถยนต์ขณะฝนตกนั้น ควรขับรถยนต์ด้วยความเร็วที่ไม่เกิน 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและอย่าเร่งหรือลดความเร็วแบบฉับพลัน 

อีกหนึ่งกรณีฝนตกปรอยๆ ก็จะทำให้ ถนนลื่น กว่าฝนตกแรง

  เพราะฝนปรอยๆทำให้ฝุ่นโดนน้ำและความชื้นกลายเป็นโคลน ซึ่งจะทำให้ถนนลื่น ล้อไม่สามารถเกาะถนนได้ จะเกิดช่วงฝนแรกๆที่มีฝุ่นดินนอนเปื้อนอยู่ถนนมากและยังไม่ถูกน้ำฝนชะล้างลงท่อหรือข้างทาง หากฝนตกติดกันหลายวัน จะชะล้างฝุ่นดินพวกนี้หายไปถนนจะสะอาดไม่ค่อยลื่นค่ะ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับการ "เหินน้ำ" นะคะ

ที่มา khaosod ข่าวสด

******************************

***แต่ถ้ายังต้องการ ความอุ่นใจตลอดการเดินทาง ก็ควรมี ประกันรถยนต์ ติดตัวไว้ในทุกการขับขี่นะคะ...อย่ากลัวที่จะปรึกษาเรา เราพร้อมยินดีให้คำแนะนำเรื่องประกันภัยให้คุณค่ะ " ให้ประกันเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับคุณ " ปรึกษาเราได้เลยนะคะ

.

 เข้าชมประกันรถยนต์หลากหลายบริษัทที่เราคัดสรร มาเพื่อคุณโดยเฉพาะ รับรองความคุ้มครองที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน

 

 ประกันรถยนต์ชั้น 1  ให้ความคุ้มครองทุกกรณี ไม่ว่าจะเฉี่ยวชนสิ่งกีดขวาง หรือเฉี่ยวชนกับยานพาหนะ รวมถึงรถสูญหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม 

 ประกันรถยนต์ชั้น2+ ซ่อมรถเขาซ่อมรถเรา ให้ความคุ้มครองในกรณีเกิดการชนกับยานพาหนะทางบกและคู่กรณีจะต้องอยู่ที่เกิดเหตุ รวมถึงการคุ้มครองรถสูญหาย ไฟไหม้ (มี่แบบความคุ้มครองพิเศษคุ้มครองภัยธรรมชาติด้วย)

 ประกันรถยนต์ชั้น3+ ซ่อมรถเขาซ่อมรถเรา ให้ความคุ้มครองในกรณีเกิดการชนกับยานพาหนะทางบกและคู่กรณีจะต้องอยู่ที่เกิดเหตุ .

 

*** สามารถตอบโจทย์เมื่อเกิดภัยได้นะคะ เลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณยังไงก็อุ่นใจแน่นอน

 

สนใจ สอบถาม ขอคำแนะนำ

ด้านประกันภัย

Visitors: 113,814